วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

100 เรื่องจริงของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ (HARRY POTTER) ที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน!


สำหรับแฟนๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทั้งหนังสือและภาพยนตร์ อาจจะพอทราบมาบ้างแล้วนะครับว่าในส่วนของงานสร้างภาพยนตร์นั้น ไม่ได้ตรงกับสิ่งที่บรรยายไว้หนังสือแบบ 100% แต่นั่นก็ไม่เท่ากับข้อมูลที่น่าสนใจ 100 เรื่องจริงจาก แฮร์รี่ พอตเตอร์ เหล่านี้ ที่คิดว่าแฟนๆรู้แล้วจะต้องร้องว้าววว์เลยทีเดียว ^^//
1. มีตัวละคร 772 ตัวที่ถูกพูดถึงในนิยายชุดนี้
2. เจ.เค.โรว์ลิ่งเคยให้สัมภาษณ์ว่า เฟร็ด เป็นตัวละครที่เธอชอบที่สุด เมื่อต้องเขียนฉากเฟร็ดตาย เธอก็เสียใจมากจนร้องไห้ออกมา
เฟร็ด จอร์จ วีสลีย์
3. โรว์ลิ่งเคยให้สัมภาษณ์ว่าแพนซี่ พาร์กินสัน ไม่มีทางได้แต่งงานกับเดรโก มัลฟอยแน่นอน เพราะแพรนซีย์เป็นตัวแทนของเด็กผู้หญิงที่เคยล้อเลียนโรว์ลิ่งสมัยเด็ก เป็นขั้วตรงข้ามของเฮอร์ไมโอนี่
แพนซี่ พาร์กินสัน
4. ช่วงเวลาเดียวที่เฟร็ดกับจอร์จได้แก่ไปด้วยกันคือตอนที่พวกเขาใช้ยาโกงอายุเพื่อใส่ชื่อลงแข่งในถ้วยอัคนี ถ้วยเลยปล่อยเวทมนตร์ที่ทำให้พวกเขาแก่สมใจ
5. ในหนัง ฉาก 19 ปีให้หลัง คนที่เล่นเป็นภรรยาของเดรโก มัลฟอยคือแฟนตัวจริงนอกจอของทอม เฟลตันเอง
เดรโก มัลฟอย
6. โรว์ลิ่งเป็นคนตัดสินใจเลือก แม็กกี้ สมิธ มาแสดงเป็นมักกอนนากัลเอง
7. ศาสตราจารย์ลูปิน คือตัวแทนของผู้ติดเชื้อเอดส์ ที่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เพราะกลัวถูกแบ่งแยก
8. นิตยสาร Forbes ได้จัดให้โรว์ลิ่งเป็นผู้หญิงที่มีอิทธิพลลำดับที่ 61 ของโลกในปี 2011
9. ก่อนหน้านี้เนวิลล์มีนามสกุลสองชื่อ คือ ไซด์บอทท่อม กับ พัฟ
10. ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเคยหมั้นกับมักเกิ้ลชื่อ ดูกัล แมกเกรเกอร์
11. เบลลาทริกซ์กับซิเรียส แบล็ก ต่างเสียชีวิตในขณะที่กำลังล้อเลียนคู่ต่อสู้
bellatrix dead
12. ถ้ามีมักเกิ้ลเดินผ่านมาแถวโรงเรียนฮอกวอตส์ พวกเขาจะเห็นเพียงอาคารเก่าๆ พร้อมป้าย “ห้ามเข้า พื้นที่อันตราย”
13. โรว์ลิ่งชอบตอน “กระจกแห่งแอริเซด” ในแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่มแรกมากที่สุด
14. ก่อนหน้าที่จะเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ เด็กๆ ตระกูลวีสลีย์ได้รับการเรียนการสอนจากมอลลี่
15. ทั้งซิเรียสและเฟร็ด ผู้สร้างเสียงหัวเราะให้กับชาวฮอกวอตส์ ต่างเสียชีวิตในขณะที่กำลังหัวเราะ
16. โรว์ลิ่งคิดชื่อที่ขึ้นต้นด้วยตัว Q ได้ 5 หน้า ก่อนจะลงเอยที่ชื่อ ควิดดิช
17. เฮอร์ไมโอนี่เกือบจะมีน้องสาวคนหนึ่งแล้ว แต่โรว์ลิ่งหาที่ลงให้ตัวละครตัวนี้ไม่ได้เสียที
18. เฮอร์ไมโอนี่เกือบได้นามสกุลว่า “พักเกิ้ล”
19. โรว์ลิ่งเคยพูดติดตลกว่าถ้าก็อดดริก กริฟฟินดอร์ยังมีชีวิตอยู่ คงจะปลอมตัวเป็นหมึกยักษ์นั่นแหละ
20. อาการแลบลิ้นแปลกๆ ของบาร์ตี้ เคราช์ จูเนียร์ในหนังไม่ได้มีในเวอร์ชั่นนิยาย แต่นักแสดง เดวิด เทนแนนท์ ด้นสดขึ้นมาเองเพื่อให้ตัวละครดูเป็นชายสติไม่ดีมากขึ้น
บาร์ตี้ เคราช์ จูเนียร์
21. ขณะอยู่กอง ไมเคิล แกมบอน (ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์) จะสวมเสื้อผ้าปกติใต้เสื้อคลุมพ่อมดแล้วเอาบุหรี่ยัดไว้ในถุงเท้า
22. โรเบิร์ต น็อกซ์ (มาร์คัส เบลบี้) ถูกแทงเสียชีวิตวันที่ 24 เมษายน 2008 ก่อนถ่ายทำภาคเจ้าชายเลือดผสม
23. เบลลาทริกซ์ เป็นภาษาละตินแปลว่า “นักรบหญิง”
24. ผู้พิทักษ์ของเฮอร์ไมโอนี่คือตัวนาก ซึ่งเป็นสัตว์ที่โรว์ลิ่งชอบที่สุด และมันยังจัดเป็นสัตว์ตระกูลวีเซิลด้วย (ต้องแต่งเข้าตระกูลวีสลีย์แล้วล่ะ)
25. โรว์ลิ่งบอกว่า ซิเรียส แบล็ก นั้นยุ่งกับการทำตัวขบถจนไม่ได้แต่งงาน
ซิเรียส แบล็ก
26. โรงเรียนฮอกวอตส์ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ. 993
27. มีพ่อมด 3,000 คนบนเกาะอังกฤษ
28. ผู้จัดการของโรว์ลิ่งต้องติดต่อให้สนพ.ในเกาะอังกฤษเริ่มจำหน่ายแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบันหลังโรงเรียนเลิก เพื่อไม่ให้เกิดการหนีโรงเรียนมาซื้อก่อน
29. แฟนหนังสือหลายคนไปถ่ายภาพชานชาลาที่สถานีคิงส์ครอสจนเจ้าหน้าที่จัดทำป้าย ชานชาลาที่ 9 เศษ3ส่วน4 ให้โดยเฉพาะ
The Platform 9
30. นักแสดงแทนของแดเนียล -คลิฟฟ์ ได้ทำหน้าที่แค่ 6 ภาคแรก เนื่องจากระหว่างการซ้อมก่อนถ่ายทำภาค 7 เขาดันเป็นอัมพาตเสียก่อน
31. พวกแฟนๆ ชอบคิดว่าสเนปคือแวมไพร์ เพราะลักษณะท่าทางของเขามันให้ แต่โรว์ลิ่งก็ช่วยยืนยันให้ว่า “ไม่ใช้จ้ะ”
32. โรเบิร์ต แพททินสันเคยพูดตรงๆ ว่าเขาอยากเล่นเป็น เซดริก ดิกกอรี่ มากกว่าเอ็ดเวิร์ด คัลเลน
เซดริก ดิกกอรี่
33. มักมีคนถามโรว์ลิ่งว่าชื่อเฮอร์ไมโอนี่อ่านยังไง เธอเลยเขียนให้เฮอร์ไมโอนี่สอนวิกเตอร์ ครัมเรื่องการออกเสียงชื่อเธอ ทุกคนจะได้รู้เสียที
34. ป้าเพ็ททูเนียอิจฉาลิลลี่ แม่ของแฮร์รี่ มาก ที่มีความสามารถด้านเวทมนตร์จนถึงกับเขียนจดหมายไปหาศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ขอเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ด้วย
35. ในการสัมภาษณ์ เอ็มมา วัตสันบอกว่าคนในกองมักเรียกเธอ “วัตสันเทคเดียว” ส่วนแดเนียล -คลิฟฟ์ จะถูกเรียกว่า “อีกทีนะแดน” และรูเพิร์ต กรินท์ได้ฉายาว่า “เล่นใหม่ รูเพิร์ต”
36. โรว์ลิ่งให้แฮร์รี่กับรอนช่วยเฮอร์ไมโอนี่จากโทรลล์ในเล่มแรก เนื่องจากเธอรู้สึกว่าต้องมีบางอย่างที่ “ยิ่งใหญ่” มากดึงคนสามคนนี้เข้าหากัน
37. หลังจากที่ฮอร์ครักซ์ในตัวแฮร์รี่ถูกทำลาย เขาก็พูดภาษาพาร์เซลไม่ได้อีกต่อไป
38. หลังจบสงครามที่ฮอกวอตส์ แฮร์รี่พยายามนำภาพสเนปมาติดที่ห้องอาจารย์ใหญ่ ถึงแม้ว่าสเนปจะเป็นฝ่ายทิ้งตำแหน่งเพื่อไปอยู่ข้างโวลเดอมอร์ก็ตาม
severus snape
39. หมายเลขตู้นิรภัยของซิเรียส (711) เป็นหมายเลขหน้าที่มีฉากซิเรียสตายในฉบับอังกฤษของแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟินิกส์ (บังเอิญหรือไร?)
40. รอนกลัวแมงมุมมากเพราะเฟร็ดเสกให้ตุ๊กตาหมีของเขาเป็นแมงมุมตอนรอนอายุ 3 ขวบ หลังจากที่รอนทำไม้กวาดของเล่นของเฟร็ดหัก แต่แฮร์รี่คุ้นชินกับแมงมุม เพราะเขาเจอมันบ่อยๆในห้องใต้บันได
harry spider
41. เฮเลน่า คาร์เตอร์ (เบลลาทริกซ์) สารภาพว่าเคยเผลอฟาดไม้กายสิทธิ์ไปโดนหูแมทธิว ลูอิส (เนวิลล์) ทำให้เขาเลือดออก
42. โรว์ลิ่งให้มอลลี่เป็นคนฆ่าเบลลาทริกซ์ เพื่อสื่อว่าความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้นมีพลังกว่าความรักที่เน้นการครอบครองของเบลลาทริกซ์
43. คำพูดแรกและคำพูดสุดท้ายที่เราได้ยินจากเอล์ฟชื่อด๊อบบี้คือ “แฮร์รี่ พอตเตอร์”
ด๊อบบี้
44. สตีเฟน คิงยกให้ศาสตราจารย์อัมบริดจ์ เป็นตัวร้ายจอมเสแสร้งที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ฮันนิบาล เลกเตอร์
dolores umbridge
45. ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคสุดท้าย ฉากที่แฮร์รี่แกล้งตายแล้วในอ้อมแขนแฮกริดแล้วลุกขึ้นมา จอร์จหันไปข้างหลังเพื่อบอกเฟร็ดว่าแฮร์รี่ยังไม่ตายโดยลืมไปว่าเฟร็ดตายแล้ว
เฟร็ดแฮร์รี่ยังไม่ตาย
46. ในภาคสุดท้ายอีกเช่นกัน โช แชงควรจะเรียนจบไปแล้ว (เธออายุมากกว่าแฮร์รี่ 1 ปี) แต่ในหนังเราจะได้เห็นเธอสวมชุดคลุมมายืนรวมกลุ่มกับพวกเรเวนคลอเสมือนว่ายังมาเรียนอยู่
47. จอร์จแต่งงานกับแองเจลิน่า จอห์นสัน มีลูกสองคนคือเฟร็ดและโรซานน์
48. แฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นพ่อมดเพียงคนเดียวที่โดนคำสาปโทษผิดสถานเดียวทั้ง 3 คำสาปแล้วยังมีชีวิตรอดมาได้
avada-kedavra
49. โรว์ลิ่งบอกว่าลิลลี่คงเริ่มชอบสเนปถ้าเขาไม่ไปสายมืดเสียก่อน
50. เกือบตลอดการถ่ายทำหนังชุดนี้ แดเนียลมักจะสวมแว่นกรอบกลมที่ไม่มีเลนส์
51. วินเซนต์ แครบบ์ เปลี่ยนนักแสดงกะทันหัน เนื่องจากนักแสดงคนเดิมโดนจับได้ข้อหาปลูกและขายกัญชา
52. รูเพิร์ต กรินท์ยอมรับว่าจูบระหว่างเขากับเอ็มมา วัตสันเหมือนจูบระหว่างพี่น้องมากกว่า
53. คุณนายนอร์ริสที่เหมือนจะฉลาดและมีเซนส์ทางเวทมนตร์สูงจริงๆ แล้วเป็นแค่แมวธรรมดาที่ขี้หงุดหงิดเท่านั้นเอง
54. เบลลาทริกซ์จริงๆ แล้วตกหลุมรักลอร์ดโวลเดอมอร์
55. ทั้งๆ ที่ผีพีฟส์โผล่มาในเวอร์ชั่นหนังสือทุกเล่ม แต่กลับโดนตัดออกไปจากหนังอย่างสิ้นเชิง
56. ตอนที่เฟร็ดกับจอร์จยิงลูกบอลหิมะใส่ศาสตราจารย์ควีเรลล์ในภาคแรก พวกเขาไม่รู้ว่าได้ปาหิมะอัดหน้าเจ้าแห่งความมืดไปเต็มๆ
57. ทีมงานต้องผลิตไม้กายสิทธิ์ให้แดเนียล แรดคลิฟฟ์กว่า 70 แท่ง เพราะเขาเอามันไปใช้เล่นเป็นไม้ตีกลองจนหัก
58. การตายของเฮ็ดวิกถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการสูญเสียความไร้เดียงสา และก้าวเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวของแฮร์รี่
hedwig
59. ทอม เฟลตัน แจกพิซซ่าฟรีให้กับแฟนๆ ที่มารอชมภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ภาค 7 ที่นิวยอร์ก
60. ปากกาขนนกมหัศจรรย์จะจับช่วงเวลาการเกิดของพ่อมดแม่มดแต่ละคนเอาไว้ เมื่ออายุครบ 11 ปี ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็จะใช้ขนนกนี้เขียนจดหมายเชิญให้มาเรียนที่ฮอกวอตส์
61. มีบันไดทั้งสิ้น 142 แห่งในปราสาทฮอกวอตส์
staircase hogwarts
62. แมทธิว ลูอิส (เนวิลล์) เคยบ่นเรื่องที่เขาต้องใส่ชุดให้ดูอ้วนขึ้นในภาค 3,4,5,6 และใส่ฟันปลอมใน 3,4 เพื่อให้ตัวเองดูน่าเกลียดต่อหน้าเด็กผู้หญิงในกองถ่าย
63. หลังจากคิงส์ลีย์ ชักเกิลโบลท์ได้เป็นนายกกระทรวงเวทมนตร์คนใหม่ เขาบอกกับคนที่ร่วมในสงครามฮอกวอตส์ว่า พวกเขาสมัครเป็นมือปราบมารได้โดยไม่ต้องใช้คะแนนส.พ.บ.ส.เลย
64. บอนนี่ ไรท์ (จินนี่ วีสลีย์) หมั้นกับนักแสดงที่แสดงเป็นกรินเดลวัลด์ตอนหนุ่ม
65. แฮร์รี่ในหนังมีตาสีฟ้าเนื่องจากแดเนียล -คลิฟฟ์แพ้คอนแทคเลนส์
66. รูเพิร์ต กรินท์เคยชนะการประกวดคนหน้าเหมือนรอน วีสลีย์ ก่อนจะมีการประกาศออดิชั่นเสียอีก
67. เอ็มมา วัตสันได้ใส่ฟันปลอมเพื่อให้ฟันหน้าเธอดูเหยินในฉากสุดท้ายของภาคแรก แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่ใส่มันอีกเลย (ภาคแรกถ่ายฉากจบก่อน)
hermione
68. โวลเดอมอร์ไม่อาจรักใครได้เพราะเขาคือผลผลิตที่เกิดจากการใช้ยาเสน่ห์
69. กระเป๋าเสื้อคลุมของทอม เฟลตันถูกเย็บปิดตายเพราะเขาชอบแอบเอาขนมเข้ามากินในกองถ่าย
70. แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟินิกซ์เป็นภาคที่เวอร์ชั่นหนังสือยาวที่สุดแต่หนังกลับสั้นที่สุด
71. สเนปเกลียดเนวิลล์ เพราะเนวิลล์อาจจะเป็นคนที่ถูกเลือกอีกคน ถ้าโวลเดอมอร์ตัดสินใจฆ่าเนวิลล์ ลิลลี่ก็ไม่จำเป็นต้องตาย
72. ต่างหูรูปหัวไชเท้าที่ลูน่า เลิฟกู้ดใส่เข้าฉากนั้น เป็นผลงานของอีวานนา ลินช์ นักแสดงนั่นเอง
อีวานนา ลินช์
73. ดัมเบิลดอร์เห็นสิ่งเดียวกับที่แฮร์รี่เห็นในกระจกแอริเซด ครอบครัวที่พร้อมหน้ากัน
74. ลาเวนเดอร์ บราวน์ในสี่ภาคแรกแสดงโดยนักแสดงผิวดำที่ไม่มีชื่อในเครดิต จนกระทั่งภาคห้าที่เธอกลายเป็นคนผิวขาว
75. คู่แฝดเฟร็ดกับจอร์จ เลี้ยงวันเกิดตัวเองในวันเอพริลฟูล
76. รูเพิร์ต กรินท์ สารภาพว่าเคยวาดรูปอลัน ริกแมน (สเนป) ก่อนจะพบว่าอลัน ริกแมนยืนอยู่ข้างหลังเขานี่เอง
77. เมื่อถูกถามว่า “แฮร์รี่มอบแผนที่ตัวกวนให้ใคร” โรว์ลิ่งตอบว่า “ฉันคิดว่าเขาไม่ได้ให้ใครเลย แต่เจมส์น้อยคงขโมยมันไปจากแฮร์รี่มากกว่า”
marauder map
78. เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนเดียวที่กลับมาเรียนต่อจนจบปี 7 ในขณะที่แฮร์รี่กับรอน…
79. แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ได้รับเกียรติให้อยู่ในคอลเลกชั่นการ์ดกบช็อกโกแลต รอนเห็นตรงกับศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ว่านี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
80. คำสาป “อะวาดา เคดาฟรา” มาจากวลีในภาษาอาหรับที่ว่า “อบัดดา เคดาบรา” แปลว่า “จงหายไปเช่นคำนี้”
81. ในเครดิตท้ายหนังภาค 4 (ถ้วยอัคนี) เขียนว่า “ไม่มีการทำร้ายมังกรใดๆ ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้”
ไม่มีการทำร้ายมังกรใดๆ
82. ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ภาคแรก แดเนียล -คลิฟฟ์แกล้งร็อบบี โคลเทรน (แฮกริด) ด้วยการเปลี่ยนภาษาในมือถือให้เป็นภาษาตุรกี
83. นามปากกา เจ.เค. โรว์ลิ่งมาจากไอเดียของสำนักพิมพ์ที่อยากให้เธอใช้ชื่อย่อให้ดูเหมือนเป็นผู้ชาย และจะได้ดึงดูดคนอ่านผู้ชายมากกว่านี้ เธอเลยเอา K มาจากชื่อคุณย่าของเธอ แคทลิน
84. โรว์ลิ่งปฏิเสธทฤษฎีที่ว่า “แฮร์รี่คือลูกของโวลเดอมอร์” โดยบอกว่า “พวกคุณดูสตาร์วอร์สมากไปแล้ว”
im your fathe
85. ในหนังสือแฮกริดสูงกว่ามนุษย์ปกติสองเท่า แต่ในหนังแฮกริดสูงแค่ 8ฟุต6นิ้ว
86. โรว์ลิ่งเคยคิดจะให้ดัดลีย์มาอยู่ในฉากจบและมีลูกเป็นพ่อมดด้วย แต่เธอคิดว่ายีนพ่อมดไม่น่าจะรอดได้ถ้าไปเจอยีนของลุงเวอร์นอน
dudley & harry
87. ระหว่างการถ่ายทำฉากห้องอาหารยามเช้าของฮอกวอตส์ แดเนียล -คลิฟฟ์ เริ่มเบื่ออาหารในฉากที่มีแต่เบคอน เลยแอบส่งให้นักแสดงประกอบอายุสิบขวบตอนที่กล้องไม่ได้ถ่ายเขาอยู่
88. รูเพิร์ต กรินท์มีรถขายไอติมของตัวเอง แต่ขายไม่ได้เพราะไม่ได้ขอใบอนุญาต เขาบอกว่า “ไม่รู้สึกอยากยุ่งกับเรื่องเอกสารเท่าไร” (สมกับเป็นรอน)
89. โรว์ลิ่งเคยถูกเสนอให้รับบท ลิลลี่ พอตเตอร์ แต่เธอคิดว่าเธอไม่เหมาะกับการแสดงเท่าไร
jk rowling
90. มีวิธีการทำฟาวล์ในการแข่งควิดดิชทั้งหมด 700 วิธี ทั้งหมดถูกใช้ในการแข่งควิดดิชโลกปี 1473
91. ในหนังภาค 3 (นักโทษแห่งอัซคาบัน) จันทร์เจ้า (Moony) สะกดเป็น Mooney เพื่อล้อเลียนทีมงานคนหนึ่งที่มีชื่อนี้พอดี
92. ปาราวตีกับปัถมา พาติลในหนังสืออยู่คนละบ้าน แต่ในหนังอยู่บ้านกริฟฟินดอร์เหมือนกัน
93. โรว์ลิ่งบอกว่าถ้าเธออยู่ในโลกพ่อมด เธอคงทำอาชีพเขียนหนังสือสอนเรื่องการใช้เวทมนตร์คาถา
94. เจมส์ เฟลพ์ (เฟร็ด วีสลีย์) บอกว่าการตายของเฟร็ดเหมือนเป็นการตายของเพื่อนเก่าคนหนึ่ง
fred weasley died
95. มีเด็กกว่า 16,000 คนที่แคสท์บทแฮร์รี่ พอตเตอร์
harry potter casting
96. ทีมงานบอกกับนักแสดงว่าขนมร้านฮันนี่ดุ๊กส์เคลือบแล็กเกอร์เอาไว้ จะได้ไม่มีใครแอบหยิบกินระหว่างการถ่ายทำ
97. นาตาลี แมกโดนัลด์ ตัวละครจากแฮร์รี่ พอตเตอร์กับอ้วยถัคนี มาจากเด็กที่เสียชีวิตด้วยโรคลูคีเมียที่โรว์ลิ่งเคยคุยด้วย
98. นากินีไม่ใช่งูตัวเดียวที่แฮร์รี่ปล่อยจากสวนสัตว์ในภาคแรก
99. หนังสือ 4 ภาคสุดท้ายในชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้รับการบันทึกว่าขายได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
100. เอียน แมคคัลเลนปฏิเสธบทศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ โดยบอกว่า “เป็นตำนานเดียวก็ลำบากยากจะทน ให้สองคงไม่ไหว”


อ้างอิง   : http://potterstoryweb.com/1272/%E0%B9%81%E0%B8%AE%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C

วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2561

กระบี่

เทคโนโลยี 5 เทรนด์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค

ล่าสุด เอ็นไวโรเซล (ไทยแลนด์) ได้เผย “5 เทรนด์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค ปี 2018” ที่เป็นแนวทางให้นักการตลาดและแบรนด์ต้องปรับกลยุทธ์ และวิธีการสื่อสารกับผู้บริโภคยุคใหม่ แทนการใช้ Marketing Mix แบบเดิมๆ คุณสรินพร จิวานันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นไวโรเซล ประเทศไทย จำกัด บริษัทในเครือของบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เผยว่า เทรนด์ทั้ง 5 ข้อนี้ ไม่ใช่เทรนด์ที่จะเกิดขึ้นทั่วโลกเท่านั้น แต่บางเทรนด์ก็เหมาะกับประเทศไทย และคาดว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น
INDEX_1-700

ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง (From Human Touch to Human Less)

เนื่องจากการลดต้นทุน ปัญหาตลาดแรงงาน และการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ทำให้หลายบริษัทหันมาใช้เทคโนโลยีในการทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ แอปลิเคชั่น และโดรน เป็นต้น ทำให้ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องเจอพนักงานที่ให้บริการ และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่ต้นจนจบ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตในญี่ปุ่นที่ไม่มีพนักงาน ได้ใช้เทคโนโลยีในการสแกนสินค้า เก็บตังค์ และนำของใส่ถุงให้ผู้บริโภคโดยอัตโนมัติ หรือ สนามบินสิงคโปร์ Terminal T4 ที่ไม่ใช้พนักงานทำงานแล้ว ผู้โดยสารทำเองหมด ตั้งแต่โหลดกระเป๋าใหญ่เพื่อใส่ท้องเครื่อง สแกนพาสปอร์ต เอ็กซ์เรย์กระเป๋าติดตัว ขึ้นเครื่อง ทุกอย่างใช้ Machine ทั้งหมด เป็นที่แรกในโลก รวมถึงอีกหลายโรงแรม ที่ให้ผู้บริโภคสามารถเช็คอิน เช็คเอาท์เองโดยอัตโนมัติ
ซึ่งจริงๆ แล้วผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็คุ้นเคยกับการ Self Service และชอบที่จะควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเองมากขึ้น มนุษย์หรือพนักงานจึงไม่ใช่ Touchpoint ของผู้บริโภคอีกต่อ ในอนาคตเมื่อผู้บริโภคทำทุกอย่างด้วยตัวเอง Service mind อาจไม่ใช่จุดขาย สิ่งที่แบรนด์ต้องใส่ใจคือ ทำทุกอย่างให้รวดเร็ว และตอบโจทย์สิ่งที่ผู้บริโภคมองหา

ผู้บริโภคจะเชื่อสมองกลอัจฉริยะมากขึ้น (From Word of Mouth to Word of Mouse)

ที่ผ่านมาการตลาดแบบปากต่อปากมักได้ผลเสมอ เพราะผู้บริโภคไม่เชื่อในสิ่งที่แบรนด์พูด แต่จะเชื่อสิ่งที่ผู้บริโภคด้วยกันพูด แต่ตอนนี้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดู Monitor ตัวเองทุกอย่าง เดินกี่ก้าว หลับลึกกี่ชั่วโมง ทำให้ผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับการหันมาเชื่อเทคโนโลยีมากขึ้น เพราะพัฒนาการของเทคโนโลยีที่มีความฉลาด เก็บข้อมูลได้อย่างแม่นยำ และ Real time อย่างที่สมองมนุษย์ทั่วไปประมวลผลไม่ได้
ยกตัวอย่างเช่น เตียงนอนอากาศ (air bed) ที่ใช้เทคโนโลยีในการติดตามกิจกรรมระหว่างวันของผู้บริโภค เพื่อตรวจสอบมวลกล้ามเนื้อ การเต้นของหัวใจ มาปรับความแน่นของเตียงให้เหมาะสมกับกิจกรรมในแต่ละวัน เพื่อให้ผู้บริโภคหลับลึก และหลับ ดีขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะคำแนะนำว่าคุณเหมาะกับอะไร ทำให้ผู้ช่วยอัจฉริยะมีบทบาทมากขึ้น ในขณะที่ Human Influencer จะค่อยๆ ลดบทบาทลง

เปลี่ยนโฆษณาแบบเรียบๆ เป็นโฆษณาที่เล่นได้ (From Plain to Play Content)

เมื่อวิถีความเชื่อของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โฆษณาก็ยากที่จะ Engage ผู้บริโภคได้ ถ้าสังเกตคนรอบตัวให้ดี จะพบว่าคนที่เล่นมือถือส่วนใหญ่นั้น ไม่เล่น Facebook ช้อปปิ้ง หรือแชท ก็เล่นเกม สติถิการเล่นเกมส์ผ่านมือถือของผู้บริโภคนั้น เติบโตเฉลี่ยประมาณ 15% ต่อปี โดยปัจจุบันคนไทยมีผู้เล่นเกมส์ประมาณ 20 ล้านคน ส่วนใหญ่เล่นผ่านมือถือ ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 3 ชม. ต่อวัน นำมาซึ่งพฤติกรรมใหม่ๆ ของผู้บริโภค คือ การเสพ Content ในรูปแบบเกมส์ หรืออะไรที่ Playful
แบรนด์จึงต้องทำโฆษณาที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกไม่ถูกยัดเยียด และมาพร้อมกับความสนุก เช่น ไนกี้ ออกแอปพลิเคชั่นชื่อว่า ไนกี้ Challenge โดยผู้เล่นสามารถอวดเพื่อนได้ว่าวันนี้วิ่งไปเท่าไรและ Challenge เพื่อนให้มาแข่งกันได้ เป็นการเล่นเกมส์ โดย Engage แบรนด์ไนกี้เข้ามาในเกมส์อย่างแนบเนียน ในวงการเกมส์เซเลบริตี้ ไม่ใช่ดาราหรือผู้มีชื่อเสียง แต่กลับเป็นตัวละครในเกมส์ ทำให้ถูกจัดมาเป็นการแข่งขันกีฬาประเภทหนึ่ง เรียกว่า Esport โดยสโมสรกีฬาใหญ่ๆ เช่น Manchester city ต่างหันมาสนับสนุน Esport เนื่องจากสถิติการชมกีฬา Traditional sport ไม่ว่าจะเป็น NFL, Olympic หรือ Premier league มีสัดส่วนลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หันไปนิยม Esport มากขึ้น ทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น Esport bar หรือ รูปแบบ Sponsorship ที่หลายแบรนด์เริ่มหันมาพิจารณาเป็น sponsor การแข่งขันวีดีโอเกมส์ หรือ Esport มากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคจะ Engage กับ Game content วิธีการ Promote brand จะผ่านเกมส์ที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกสนุก และท้าทายมากขึ้น

ทุกที่บนโลกสามารถเป็นดิสเพลแสดงสินค้าได้ (From Store to Stream)

ปัจจุบันผู้บริโภคใช้เวลาดูการไลฟ์วิดีโอมากกว่าวิดีโอแบบทั่วไปถึง 3 เท่า และมีผลสำรวจระบุว่ามีผู้ใช้ Facebook Live มากถึง 2 พันล้านคนต่อเดือน ดังนั้น ไม่ว่าคุณมีสินค้าประเภทใดก็ตาม ทั้งแฟชั่นโชว์ บ้าน หรือที่สวนผลไม้ รีบเปลี่ยนดิสเพลการโชว์สินค้าแบบเดิมๆ ให้กลายดิสเพลที่เคลื่อนไหวได้ ด้วยการ Livestream หรือสร้างประสบการณ์ที่สมจริง ยกตัวอย่างเช่น IKEA ที่มีแอปพลิเคชั่นให้ผู้บริโภคนำสินค้าหลายแบบมาลองวางในห้อง ซึ่งผู้บริโภคได้ประสบการณ์สดว่าห้องจะดูอย่างไรกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ หรือแบรนด์เครื่องสำอางค์อย่าง Yves Saint Laurent ใช้ AR เพื่อสแกนหน้าลูกค้า ให้ลองเครื่องสำอางค์ได้หลายๆ แบบ สร้างประสบการณ์สดว่าหน้าตาเราจะเป็นอย่างไรกับเครื่องสำอางค์สีต่างๆ ดังนั้นProduct ดีอย่างเดียวไม่พอ วิธีการพรีเซนต์ที่ Convince เชื่อถึงความ Real Price ไม่จำเป็นต้องถูก ตราบใดที่เราสามารถทำให้ผู้บริโภคเชื่อว่าสินค้าเหมาะสมกับผู้บริโภคระดับปัจเจก

ใช้ชีวิตบนโลกเสมือนจริงมากขึ้น (From Actual to Virtual)

เมื่อเราคุ้นเคยกับการใช้แอปฯ หรือการเชื่อเทคโนโลยีมากขึ้น Self service ขั้นต่อมาคือ การหันไปสื่อสารผ่านหน้าจอ และ Digital Human ในอนาคตอันใกล้ผู้บริโภคจะสื่อสารกับ Chatbot มากขึ้น เพราะสามารถตอบโต้และให้ความช่วยเหลือกันได้ตอลดเวลา นอกจากนี้ ที่ญี่ปุ่นออก Gatebox ที่ให้มนุษย์ใช้ชีวิต Virtual ร่วมกับ Character ที่ชื่นชอบ รวมถึงธุรกิจ Virtual ต่างๆ เช่น Lunch กับ Virtual character ที่ตอบโต้ได้เสมือนกินข้าวกับคนจริงๆ เด็กรุ่นใหม่จะคุ้นเคยกับการสื่อสารกับ Virtual หรือหุ่นยนต์มากขึ้น เพราะ Human Less Technology ที่สำคัญการสื่อสารกับหุ่นยนต์จะความรู้สึกด้านบวก เพราะถูกพัฒนามาแต่อารมณ์ด้านบวกเท่านั้น จึงทำให้มนุษย์รู้สึกดีและหลงรัก ซึ่งการอยู่ร่วมกันของ Virtual หุ่นยนต์ หรือการพูดคุยผ่าน Chatbot ดังกล่าว
“จากทั้ง 5 ข้อนี้ เทรนด์ที่มีแนวโน้มจะเกิดในประเทศไทยได้มากที่สุดคือ From Plain to Play Content และ From Store to Stream ซึ่งทุกการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ทำให้นักการตลาดต้องเปลี่ยนวิธีในการเข้าถึงผู้บริโภคในรูปแบบใหม่ เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากขึ้น นักการตลาดจึงต้องให้ความสำคัญกับพฤติกรรม และกิจกรรมของผู้บริโภค และเลือกลงทุนกับเทคโนโลยีที่เป็น ‘สมองกล’ เพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแบบปัจเจกบุคคลได้อย่างสูงสุด อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หุ่นยนต์ (Robotics) เทคโนโลยีความจริงเสมือน (Virtual Reality) ซึ่งจะกลายเป็นการเข้าถึงข้อมูลหรือ Touch point ที่สำคัญของผู้บริโภค รวมถึงเป็นเครื่องมือในการสร้างผลิตภัณฑ์ บริการรูปแบบใหม่ๆ จำนวนมากในอนาคต” คุณสรินพร กล่าวทิ้งท้าย

จิตวิทยาสำหรับครู

ประโยชน์ของจิตวิทยาสำหรับครู


 ประโยชน์ของจิตวิทยาสำหรับครู

        1.ช่วยให้ครูเข้าใจธรรมชาติ ความเจริญเติบโตของเด็กและสามารถนำความรู้ที่ได้มาจัดการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับธรรมชาติ ความต้องการ ความสนใจของเด็กแต่ละวัย
        2.ช่วยให้ครูสามารถเตรียมบทเรียน วิธีสอน จัดกิจกรรม ตลอดจนใช้วิธีการวัดและประเมินผลการศึกษาได้สอดคล้องกับวัย ซึ่งเป็นการช่วยให้จัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ
        3.ช่วยให้ครูสามารถจัดกิจกรรมได้อย่างสนุกสนานด้วยบรรยากาศของความเข้าใจ การให้ความร่วมมือ และให้การยอมรับซึ่งกันและกัน
        4.ช่วยสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครู ผู้ปกครองและเด็ก ทำให้ปกครองเด็กง่ายขึ้นและสามารถทำงานกับเด็กได้อย่างราบรื่น
        5.ช่วยให้ครูป้องกันและหาทางแก้ไข ตลอดจนพัฒนาบุคลิกภาพของเด็กได้อย่างเหมาะสม
        6.ช่วยให้ผู้บริหารการศึกษาวางแนวทางการศึกษา จัดหลักสูตร อุปกรณ์การสอนและการบริหารงานได้เหมาะสม
        7.ช่วยให้ผู้เรียนเข้ากับสังคมได้ดี ปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ดี

อ้างอิง : http://nattavut40.blogspot.com/  http://www.admissionpremium.com/u-review/th/edu/34224